นโยบายการส่งเสริมและมาตรการสนับสนุน
3.2 แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก
แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan: AEDP) ได้จำแนกประเภทของพลังงานทดแทนเพื่อนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า ความร้อน และเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยในช่วงปี พ.ศ. 2566 ประเทศไทยยังอยู่ภายใต้แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561 - 2589 (AEDP 2018) ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ในปี พ.ศ. 2580 จำานวน 29,411 เมกะวัตต์ (รูปที่ 3.1) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 12,139 เมกะวัตต์ และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ จำนวน 2,725 เมกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือกทั้งหมด ตารางที่ 3.1 แสดงพัฒนาการของการจัดทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกและการกำหนดเป้าหมาย การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
| แผนพัฒนาพลังงานทดแทน และพลังงานทางเลือก |
ค่าเป้าหมาย | ||
| เป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนต่อการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย(ร้อยละ) | กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(เมกะวัตต์) | กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(เมกะวัตต์) | |
| REDP พ.ศ. 2550-2565 | 20 | 5,607.5 | 500 |
| AEDP พ.ศ. 2555-2564 | 25 | 13,927 | 3,000 |
| AEDP2015 พ.ศ. 2558-2579 | 30 | 19,684 | 6,000 |
| AEDP2018 พ.ศ. 2561-2580 | 29,411 | PV 12,139 | |
| FPV 2,725 | |||
| ร่าง AEDP2024 พ.ศ. 2567-2580 | 37 | 73,286 | PV 38,974 |
| FPV 2,789 | |||
ปัจจัยที่ส่งเสริมการขับเคลื่อนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของ แผน AEDP 2018 ได้แก่
1)
นโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบ ควรมีการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งและใช้งานระบบผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์และการเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความยืดหยุ่นและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนมากขึ้น มาตรการสำคัญที่ควรดำเนินการ ได้แก่ การกำหนดแนวทางรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรม ตลอดจนการจัดตั้งศูนย์บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการขออนุญาตผลิตไฟฟ้า
2)
การพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ควรเสริมสร้างขีดความสามารถทางเทคนิคเพื่อให้โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมาตรการที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) และระบบพยากรณ์อากาศที่สามารถคาดการณ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์
3)
การสร้างความเข้าใจและการตระหนักรู้ การให้ความรู้แก่บุคลากรเกี่ยวกับพลังงานทดแทนในเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อตอบสนองกับความต้องการด้านพลังงานทดแทนในอนาคต นอกจากนี้ ควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนผ่านการให้ข้อมูลองค์ความรู้ที่ถูกต้องและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชน
ทั้งนี้ แผน AEDP2018 ยังได้วางแนวทางบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความเสี่ยงจากการผลิตไฟฟ้าใช้เองของผู้บริโภค (Prosumer) ซึ่งอาจกระทบต่อการบริหารจัดการพลังงานโดยรวม แนวทางป้องกัน คือการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการรองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน อีกทั้งยัง ต้องจัดการซากอุปกรณ์ที่หมดอายุ เช่น แผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกันเพื่อ กำหนดแนวทางจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ ป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
